1. เป็นงานอดิเรก
เล่นดนตรีเป็นงานอดิเรกเป็นที่นิยมชนิดหนึ่ง ทำให้เด็กๆรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังเป็นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความสามารถพิเศษอีกด้วย
2. รู้จักความงามของเสียงดนตรี
ในหลายๆมุมดนตรีก็เป็นศิลปะที่เข้าใจง่าย เพียงแค่เปิดใจฟังเท่านั้น ถ้าเด็กๆมีประสบการณ์ทางดนตรีอย่างสม่ำเสมอ เขาจะเข้าถึงสุนทรียของศาสตร์แห่งเสียงนี้ และมีความสุขจากการฟังดนตรีได้อย่างไม่ยากนัก
ในหลายๆมุมดนตรีก็เป็นศิลปะที่เข้าใจง่าย เพียงแค่เปิดใจฟังเท่านั้น ถ้าเด็กๆมีประสบการณ์ทางดนตรีอย่างสม่ำเสมอ เขาจะเข้าถึงสุนทรียของศาสตร์แห่งเสียงนี้ และมีความสุขจากการฟังดนตรีได้อย่างไม่ยากนัก
3. รู้จักจัดสรรเวลา
ในการเรียนดนตรีในแต่ละสัปดาห์นั้น โดยปรกติอาจารย์จะให้การบ้านที่เหมาะกับการซ้อมในแต่ละสัปดาห์ เด็กๆจะเรียนรู้ที่จะวางแผนในการจัดเวลาซ้อมในแต่ละวัน ในแต่ละสัปดาห์ โดยช่วงแรกอาจมีคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองคอยช่วยแนะนำ จนเด็กๆเริ่มจัดสรรเวลาเป็น เรื่องนี้จะเป็นอุปนิสัยที่ดีติดตัวเมื่อเขาเหล่านั้นโตขึ้น
ในการเรียนดนตรีในแต่ละสัปดาห์นั้น โดยปรกติอาจารย์จะให้การบ้านที่เหมาะกับการซ้อมในแต่ละสัปดาห์ เด็กๆจะเรียนรู้ที่จะวางแผนในการจัดเวลาซ้อมในแต่ละวัน ในแต่ละสัปดาห์ โดยช่วงแรกอาจมีคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองคอยช่วยแนะนำ จนเด็กๆเริ่มจัดสรรเวลาเป็น เรื่องนี้จะเป็นอุปนิสัยที่ดีติดตัวเมื่อเขาเหล่านั้นโตขึ้น
4. รู้จักการตั้งเป้าหมาย และการวางแผน
ในการสอบวัดผลทางดนตรี หรือการแข่งขันทางดนตรีใดๆ เด็กจะได้หัดตั้งเป้าหมายระยะกลางและระยะยาว เขาจะได้เรียนรู้การวางแผนชีวิต การจัดสรรเวลา การออกแบบการซ้อมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เขาได้ตั้งเอาไว้ และภาคภูมิใจกับความสำเร็จเหล่านั้น
ในการสอบวัดผลทางดนตรี หรือการแข่งขันทางดนตรีใดๆ เด็กจะได้หัดตั้งเป้าหมายระยะกลางและระยะยาว เขาจะได้เรียนรู้การวางแผนชีวิต การจัดสรรเวลา การออกแบบการซ้อมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เขาได้ตั้งเอาไว้ และภาคภูมิใจกับความสำเร็จเหล่านั้น
5. เชื่อมโยงประสาทสัมผัส และการเคลื่อนไหวของร่างกาย
การฝึกเครื่องดนตรีแต่ละเครื่อง เด็กๆจะต้องใช้ประสาทสัมผัส รวมถึงการเคลื่อนไหวหลายๆด้านพร้อมกัน ใช้ตาในการอ่านโน้ต ใช้หูในการฟังเสียง การหายใจ ร่วมถึงการขยับกล้ามเนื้อมัดใหญ่เช่นแขน หรือขา ไปจนถึงมัดเล็กๆอย่างนิ้วมือ จึงช่วยให้เขามีทักษะการเชือมโยงต่างๆดีขึ้น
การฝึกเครื่องดนตรีแต่ละเครื่อง เด็กๆจะต้องใช้ประสาทสัมผัส รวมถึงการเคลื่อนไหวหลายๆด้านพร้อมกัน ใช้ตาในการอ่านโน้ต ใช้หูในการฟังเสียง การหายใจ ร่วมถึงการขยับกล้ามเนื้อมัดใหญ่เช่นแขน หรือขา ไปจนถึงมัดเล็กๆอย่างนิ้วมือ จึงช่วยให้เขามีทักษะการเชือมโยงต่างๆดีขึ้น
6. พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
ในหลายๆประเทศพ่อแม่ นิยมให้ลูกๆฟังดนตรีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มีงานวิจัยออกมามากมายว่าดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งดนตรีคลาสสิกมีส่วนช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ของเด็กวัยเจริญเติบโต การเรียนดนตรีนั้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆได้มีโอกาสใช้ดนตรีพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์โดยตรง
ในหลายๆประเทศพ่อแม่ นิยมให้ลูกๆฟังดนตรีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มีงานวิจัยออกมามากมายว่าดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งดนตรีคลาสสิกมีส่วนช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ของเด็กวัยเจริญเติบโต การเรียนดนตรีนั้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆได้มีโอกาสใช้ดนตรีพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์โดยตรง
7. พัฒนาสมาธิ
ในระหว่างเล่นดนตรีนั้นเด็กๆ จะต้องใช้สมาธิอย่างมาก แรกๆ พวกเขาจะเริ่มจากเพลงสั้นๆง่ายๆ จนพัฒนามากขึ้นเล่นเพลงได้ยาวขึ้น ทำให้เด็กๆถูกปลูกพัฒนาการใช้สมาธิไปทีละน้อยๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
ในระหว่างเล่นดนตรีนั้นเด็กๆ จะต้องใช้สมาธิอย่างมาก แรกๆ พวกเขาจะเริ่มจากเพลงสั้นๆง่ายๆ จนพัฒนามากขึ้นเล่นเพลงได้ยาวขึ้น ทำให้เด็กๆถูกปลูกพัฒนาการใช้สมาธิไปทีละน้อยๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
8. พัฒนาบุคลิกภาพ
การเรียนดนตรีในแต่ละเครื่องมือนั้น ในช่วงเริ่มแรกจะมีการบังคับท่าทางการนั่ง ยืน เดิน หรือเคลื่อนไหว ที่เอื้อกับการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นท่าที่ส่งเสริมบุคลิกภาพ ยืนตัวตรง นั่งหลังตรง เด็กๆจะเรียนรู้ ฝึกฝนและพัฒนา จนซึมซับอุปนิสัยท่ายืน ท่าเดินและท่านั่งเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน
การเรียนดนตรีในแต่ละเครื่องมือนั้น ในช่วงเริ่มแรกจะมีการบังคับท่าทางการนั่ง ยืน เดิน หรือเคลื่อนไหว ที่เอื้อกับการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นท่าที่ส่งเสริมบุคลิกภาพ ยืนตัวตรง นั่งหลังตรง เด็กๆจะเรียนรู้ ฝึกฝนและพัฒนา จนซึมซับอุปนิสัยท่ายืน ท่าเดินและท่านั่งเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน
9. เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง
เด็กๆจะได้มีโอกาสพูด แสดง และปรากฏตัวต่อหน้าผุ้ชมจำนวนมาก เขาจะได้รับประสบการณ์ความตื่นเต้น ความประหม่า และเขาจะได้เรียนรู้วิธีการเอาชนะตนเอง เพื่อข้ามผ่านสิ่งเหล่านั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองในที่สุด
เด็กๆจะได้มีโอกาสพูด แสดง และปรากฏตัวต่อหน้าผุ้ชมจำนวนมาก เขาจะได้รับประสบการณ์ความตื่นเต้น ความประหม่า และเขาจะได้เรียนรู้วิธีการเอาชนะตนเอง เพื่อข้ามผ่านสิ่งเหล่านั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองในที่สุด
10. เล่นดนตรีเป็น
และท้ายที่สุดเมื่อเขาเติบโตขึ้น ผ่านบทเรียนที่ซับซ้อนในห้องเรียน ผ่านการฝึกฝนอันหนักหน่วงที่บ้าน ได้เรียนรู้การวางแผนผ่านการตั้งเป้าหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านการแสดงต่อหน้าผู้ชมหลายสิบครั้ง ผ่านเรื่องราวต่างมากมายบนถนนสายดนตรี เขาจะเติบใหญ่กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะการจัดการตนเองได้อย่างดีเยี่ยม มีทักษะทางสังคม รู้จักรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ให้เกียรติผู้อื่น เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนฝูง และที่สำคัญที่สุด เขาจะมีดนตรีเป็นเพื่อนตลอดไป
และท้ายที่สุดเมื่อเขาเติบโตขึ้น ผ่านบทเรียนที่ซับซ้อนในห้องเรียน ผ่านการฝึกฝนอันหนักหน่วงที่บ้าน ได้เรียนรู้การวางแผนผ่านการตั้งเป้าหมายครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านการแสดงต่อหน้าผู้ชมหลายสิบครั้ง ผ่านเรื่องราวต่างมากมายบนถนนสายดนตรี เขาจะเติบใหญ่กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะการจัดการตนเองได้อย่างดีเยี่ยม มีทักษะทางสังคม รู้จักรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ให้เกียรติผู้อื่น เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนฝูง และที่สำคัญที่สุด เขาจะมีดนตรีเป็นเพื่อนตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น